10 วิธีระบายความร้อนในบ้าน แก้ปัญหาบ้านร้อนอบอ้าว

,

ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องอากาศร้อนระอุ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่แสงแดดแผดเผาจนแทบไม่อยากก้าวเท้าออกจากบ้าน อย่างไรก็ดี หากจะให้ปิดประตู เปิดเครื่องปรับอากาศทั้งวัน และหลบอยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลาก็คงไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม การหาวิธีระบายความร้อนภายในบ้าน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บ้านของคุณเย็นสบาย พร้อมทั้งช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่สูงลิ่วในช่วงหน้าร้อน

ทำไมบ้านถึงร้อนอบอ้าว ? เข้าใจปัญหาก่อนแก้ไข

ก่อนจะหาวิธีทำให้บ้านเย็น เราควรเข้าใจสาเหตุที่ทำให้บ้านร้อนเสียก่อน เพื่อที่จะสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุดและยั่งยืนที่สุด

ความร้อนจากแสงอาทิตย์

แหล่งความร้อนหลักที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือแสงแดด ซึ่งเข้าสู่ตัวบ้านได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นหลังคาที่รับแดดโดยตรงตลอดช่วงกลางวัน ผนังที่หันรับแดดซึ่งจะเก็บสะสมความร้อนไว้แล้วค่อย ๆ ปล่อยออกมาในตอนเย็น รวมถึงกระจกและหน้าต่างที่ดูดซับความร้อนและปล่อยให้แสงอินฟราเรดผ่านเข้าสู่ภายในบ้าน

การสะสมความร้อนภายในบ้าน

นอกจากแสงแดดแล้ว ยังมีความร้อนที่เกิดจากกิจกรรมในบ้าน เช่น การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น ทีวี หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งล้วนปล่อยความร้อนออกมา รวมถึงการทำอาหาร โดยเฉพาะในครัวปิดที่ไม่มีระบบระบายอากาศ และแม้แต่จำนวนคนในบ้านเองก็มีส่วนทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเช่นกัน

การระบายอากาศไม่ดี

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้บ้านร้อนอบอ้าวคือ อากาศร้อนเข้าไปสะสมอยู่ภายในบ้านแล้วไม่มีทางระบายออก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากลักษณะโครงสร้างภายในบ้าน ดังนี้

  • บ้านที่ไม่มีหน้าต่างหรือช่องลมที่เหมาะสม จะทำให้ลมไม่สามารถพัดผ่านได้ เมื่อไม่มีลม อากาศก็ไม่สามารถถ่ายเท ความร้อนที่สะสมก็จะคงอยู่นาน
  • การวางผังบ้านผิดทิศ เช่น การออกแบบบ้านให้หน้าต่างหันไปทางทิศตะวันตก ซึ่งรับแดดแรงตลอดทั้งช่วงบ่าย แต่กลับไม่มีช่องลมเพื่อระบายอากาศ จึงยิ่งทำให้บ้านอับชื้นและร้อนอบอ้าว
  • ไม่มีการแยกโซนร้อนกับโซนพักอาศัย เช่น การวางครัวไว้กลางบ้านโดยไม่มีช่องดูดอากาศหรือช่องลม ก็จะทำให้ไอร้อนจากการทำอาหารกระจายไปทั่วบ้าน และคงอยู่ได้นานกว่าที่คิด

10 วิธีระบายความร้อนให้บ้านเย็นสบาย พร้อมสู้แดดเมืองไทย

มาดูกันว่ามีวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้บ้านเย็นสบาย และพร้อมรับมืออากาศร้อนของเมืองไทย

1. ติดตั้งฉนวนกันความร้อนที่หลังคา

หลังคาเป็นจุดที่รับแสงแดดโดยตรง หากไม่มีฉนวนกันความร้อน ความร้อนจะถ่ายเทลงมาภายในบ้านได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น แนะนำให้ติดตั้งฉนวนกันความร้อน เช่น แผ่นโฟม PU แผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์ หรือแผ่นใยแก้ว เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีหลังคาโลหะหรือไม่มีฝ้าเพดาน

2. เลือกใช้วัสดุปูพื้นเย็น เช่น กระเบื้อง หินแกรนิต

กระเบื้องเซรามิกหรือหินแกรนิต เป็นวัสดุปูพื้นที่มีคุณสมบัติสะสมความร้อนต่ำ จึงไม่ดูดซับความร้อนมากนัก จึงช่วยให้บ้านเย็นขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินเท้าเปล่าในช่วงเวลากลางวัน

3. ทาสีหลังคาและผนังด้วยสีสะท้อนความร้อน

อีกหนึ่งวิธีที่ง่ายแต่ได้ผลดี คือการทาสีหลังคาและผนังด้วยสีโทนอ่อน เช่น สีขาว สีครีม หรือสีเทาอ่อน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยสะท้อนแสงแดดและลดความร้อนสะสม จึงทำให้ภายในบ้านเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด

4. ติดตั้งกันสาดหรือลดแสงแดดด้วยผ้าใบ

กันสาดหรือผ้าใบสามารถป้องกันแสงแดดไม่ให้ส่องเข้าหน้าต่างโดยตรง ซึ่งจะช่วยลดการสะสมความร้อนภายในบ้าน อีกทั้งยังช่วยกันฝนสาดและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่พื้นที่รอบบ้าน

5. ใช้พัดลมดูดอากาศระบายความร้อนออกจากตัวบ้าน

การใช้พัดลมดูดอากาศเป็นทางเลือกที่ช่วยนำอากาศร้อนภายในบ้านออกสู่ภายนอกได้ดี โดยเฉพาะบริเวณที่มีการทำอาหารหรือพื้นที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท เช่น ห้องครัวหรือห้องเก็บของ ซึ่งมักเป็นจุดสะสมความร้อนของบ้าน

6. ติดตั้งพัดลมติดเพดาน (Ceiling Fan)

พัดลมติดเพดานจะช่วยกระจายอากาศภายในบ้านให้หมุนเวียนได้ดี แม้ว่าจะไม่สามารถลดอุณหภูมิได้ แต่ก็ช่วยให้อยู่ในบ้านแล้วรู้สึกสบายขึ้น

7. เปิดช่องลมธรรมชาติ (Cross Ventilation)

การวางตำแหน่งประตูและหน้าต่างให้ลมสามารถเข้าและออกได้จากฝั่งตรงข้าม ทำให้กระแสลมไหลผ่านภายในบ้านได้ดี วิธีนี้จะช่วยระบายความร้อนที่สะสมอยู่ภายใน ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสดชื่นและเย็นสบาย โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศมากนัก

8. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงาน

บางครั้งการเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเล็กน้อยก็สามารถช่วยลดความร้อนได้มาก เช่น การลดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดความร้อน รวมถึงปิดไฟ ทีวี หรือคอมพิวเตอร์เมื่อไม่ได้ใช้งาน และหลีกเลี่ยงการใช้เตาอบหรือเตาไฟฟ้าในช่วงกลางวัน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งกำเนิดความร้อนที่อาจทำให้อุณหภูมิในบ้านสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

9. ใช้ม่านกันความร้อนหรือฟิล์มกรองแสงที่หน้าต่าง

ม่านกันความร้อนหรือฟิล์มกรองแสงจะช่วยลดปริมาณรังสี UV และความร้อนที่เข้าสู่บ้านผ่านกระจก ทำให้ภายในบ้านเย็นลง และยังช่วยป้องกันไม่ให้เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ใกล้หน้าต่างซีดจางลงจากแสงแดด

10. ปลูกต้นไม้รอบบ้าน

การปลูกต้นไม้สามารถช่วยลดอุณหภูมิรอบบ้านได้ดี โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงากับผนังหรือหลังคา นอกจากนี้ การปลูกไม้เลื้อยตามแนวรั้วยังสามารถช่วยกรองแสงแดดและฝุ่นละออง ซึ่งถือเป็นวิธีระบายความร้อนจากธรรมชาติที่ยั่งยืน

หลังทำตามวิธีระบายความร้อนในบ้าน ครอบครัวก็รู้สึกมีความสุขกับการอยู่บ้านมากขึ้น

บ้านเย็นสบาย เริ่มได้ตั้งแต่การออกแบบ

การระบายความร้อนในบ้านไม่จำเป็นต้องมาแก้ปัญหาทีหลังเสมอไป เพราะการออกแบบบ้านให้สอดรับกับสภาพอากาศของไทยตั้งแต่ต้น ย่อมเป็นทางเลือกที่ทั้งประหยัดพลังงานและยั่งยืนกว่าในระยะยาว
หากคุณกำลังวางแผนสร้างบ้านใหม่หรือปรับปรุงบ้านเดิม ขอแนะนำ Homesquare Development บริษัทรับสร้างและออกแบบบ้านทรงโมเดิร์นชั้นนำของไทย ด้วยประสบการณ์กว่า 18 ปี พร้อมทีมสถาปนิกและนักออกแบบมืออาชีพ เราสามารถออกแบบบ้านของคุณได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นบ้านชั้นเดียว สองชั้น หรือสามชั้น โดยคำนึงถึงทิศทางแดด ทิศทางลม และการระบายอากาศ ทุกแบบบ้านจะปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และงบประมาณที่คุณต้องการ เพื่อให้คุณได้บ้านที่สวย เย็นสบาย และน่าอยู่ในทุกฤดูของเมืองไทย

เพราะบ้านที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องอยู่สบายด้วยเช่นกัน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ที่ Homesquare Development โทร. 089-894-9583, 084-058-6027 (ฝ่ายขาย) 02-533-2622 (สำนักงานใหญ่) หรือ LINE: @homesquare

ข้อมูลอ้างอิง

10 tips to keep you and your house cool this summer. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.environment.sa.gov.au/goodliving/posts/2018/01/keeping-house-cool-efficiently.